ในการพัฒนาที่น่าประทับใจนั้น จีพีที-4ซึ่งเป็นโมเดลปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดย OpenAIซึ่งสามารถเอาชนะความแม่นยำในการวินิจฉัยของกลุ่มจักษุแพทย์ได้ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์พูดไม่ออก การศึกษาซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร PLOS Digital Health แสดงให้เห็นว่า GPT-4 ตอบคำถามแบบปรนัย (MCQ) 60 ข้อจากทั้งหมด 87 ข้อเกี่ยวกับจักษุวิทยา มีประสิทธิภาพเหนือกว่าแพทย์รุ่นเยาว์ และตรงกับผลลัพธ์ของจักษุแพทย์ที่มีประสบการณ์มากกว่า
🇧🇷 #AI นักวิจัยของเคมบริดจ์พบว่าดีกว่าแพทย์ที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในการประเมินปัญหาสายตาและการให้คำแนะนำ
GPT-4 สามารถคัดแยกผู้ป่วยและตัดสินใจว่าผู้ป่วยรายใด #จักษุวิทยา ปัญหาคือเรื่องฉุกเฉินที่ต้องได้รับการดูแลทันที👇 https://t.co/nX9OYQb1XR
– มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (@Cambridge_Uni) April 18, 2024
ผลลัพธ์ที่โดดเด่น:
- GPT-4 ได้คะแนนคำตอบที่ถูกต้อง 60 ข้อ เทียบกับค่าเฉลี่ยของแพทย์อายุน้อยที่ 37 คน
- จักษุแพทย์ในการฝึกอบรมมีคำตอบที่ถูกต้อง 59,7 ข้อ ในขณะที่จักษุแพทย์ที่มีประสบการณ์ (ยกเว้น 66,4 คน) มีคะแนนเฉลี่ย XNUMX
- การศึกษานี้ใช้แบบสอบถามแบบแมนนวลเพื่อคัดกรองผู้เข้ารับการฝึกอบรม โดยมีเนื้อหาไม่แพร่หลาย
- GPT-4 ซึ่งติดตั้ง GPT-4 หรือ GPT-3.5 ได้รับการพยายามสามครั้งสำหรับแต่ละคำถาม
ความสำคัญสำหรับภาคสุขภาพ:
ผลลัพธ์เหล่านี้เน้นย้ำถึงศักยภาพมหาศาลของ AI ในด้านการแพทย์ ความสามารถของ GPT-4 ในการแข่งขันกับจักษุแพทย์ที่มีประสบการณ์ในด้านความแม่นยำในการวินิจฉัย ปูทางไปสู่การใช้งานที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึง:
- ปรับปรุงการเข้าถึงการรักษาพยาบาลโดยเฉพาะในพื้นที่ที่ขาดแคลนแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิ
- การสนับสนุนเพิ่มเติมแก่แพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น
- การประเมินและวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ในวงกว้าง
ขั้นตอนถัดไป:
แม้ว่าการศึกษาวิจัยครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญ แต่การพัฒนา AI ในวงการแพทย์จะต้องกระทำด้วยความระมัดระวังและมีความรับผิดชอบตามหลักจริยธรรม การประเมินข้อมูลอย่างต่อเนื่อง การรับรองความโปร่งใสและการพัฒนาแนวปฏิบัติด้านจริยธรรมถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการนำ AI มาใช้อย่างมีความรับผิดชอบในการดูแลสุขภาพ
บทสรุป:
ชัยชนะของ GPT-4 เหนือจักษุแพทย์ ถือเป็นความสำเร็จที่น่าประทับใจ ซึ่งตอกย้ำศักยภาพมหาศาลของ AI ในสาขาการแพทย์ ด้วยการพัฒนาอย่างระมัดระวังและการนำไปใช้อย่างมีความรับผิดชอบ TN มีศักยภาพในการกำหนดอนาคตของการดูแลสุขภาพเพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยทั่วโลก